ความสวยของสีแดงอันโดดเด่นในทับทิม มีเพียงพลอยไม่กี่ชนิดที่มีสีสัน ความสวยงามใกล้เคียงกับทับทิม ในวงการอัญมณีได้ยกย่องให้ทับทิม เป็นราชาแห่งอัญมณีมาอย่างยาวนาน ชื่อทับทิม หรือ Ruby ชื่อนี้มีที่มาที่ไปจากไหน เราลองมาย้อนดูกันถึงที่มาของชื่อเหล่านี้ คำว่า Ruby มาจากภาษาลาตินว่า Rubinus แปลว่าพลอยสีแดง จึงทำให้ในช่วงก่อนศตวรรษที่ 19 ที่ยังไม่มีการแยกแยะชนิดต่างๆของพลอยได้ดี ทำให้ ทับทิม โกเมน สปิเนล ถูกเรียกรวมกันว่า Ruby ส่วนภาษาไทย ทับทิม น่าจะนำมาจากภาษาสันสกฤต ว่า ทาฑิม (ทา - ทิ - มะ) ที่แปลว่าต้นทับทิม จากนั้นจึงนำมาใช้เรียกพลอยเพราะลักษณะของพลอยที่มีสีแดงใส คล้ายเมล็ดทับทิม

ทับทิม เป็นพลอยที่อยู่ในประเภท แร่คอรันดัม พลอยที่อยู่ในประเภทคอรันดัม เช่นเดียวกับทับทิมมีอยู่มาดมายหลายชนิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลอยที่มีความสำคัญในวงการอัญมณี และเครื่องประดับ เช่น ไพลิน บุษราคัม พัดพารัดชา และแฟนชีแซฟไฟร์ เป็นต้น จะเห็นว่า พลอยที่อยู่ในประเภทนี้มีสีที่หลากหลาย ปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีสีที่หลากหลายเกิดจาก การที่มีธาตุ เข้าไปผสมปะปนอยู่ในโครงสร้างทางอะตอม ยกตัวอย่างเช่น พลอยบุษราคัม เป็นแร่คอรันดัมที่มีสีเหลืองเกิดจาก แร่คอรันดัม (Al2O3) มีธาตุเหล็ก (Fe) และ/หรือ เกิดร่องรอยในโครงสร้างผลึก ไพลิน เป็นแร่คอรันดัมที่มีสีน้ำเงิน เกิดจากแร่คอรันดัมที่มีธาตุเหล็ก(Fe) และไทเทเนียม(Ti) อยู่ในโครงสร้าง

ในส่วนของทับทิม มีธาตุโครเมียม (Cr) เป็นธาตุที่ทำให้เกิดสีแดง แต่ใช่ว่าธาตุโครเมียม ทำให้เกิดสีแดง กับพลอยทุกชนิด มันขึ้นกับว่าธาตุโครเมียมเป็นธาตุให้สีกับพลอยประเภทไหน อย่างในทับทิม และสปิเนล ธาตุโครเมียม ทำให้เกิดสีแดง ในขณะที่ มรกต ทัวร์มาลีน ธาตุโครเมียม ทำให้เกิดสีเขียว ดังนั้น สีแดง ที่เกิดขึ้นในทับทิม เกิดจากธาตุโครเมียมที่เช้าไปอยู่ในโครงสร้างของแร่คอรันดัม แล้วทำให้เกิดการดูดกลืนของแสง ที่มีการดูดกลืนสีอื่นๆ แล้วปล่อยช่วงสีแดงออกมาให้เราเห็น ธาตุโครเมียมเองก็ไม่ได้ทำให้เกิดสีแดงเพียงอย่างเดียว สีที่เกิดจากธาตุโครเมียม ขึ้นอยู่กับไปอยู่ในพลอยประเภทไหน แล้วมีการดูดกลืนสีใด ปล่อยสีใดออกมา