“หยก” จากสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ สู่สินทรัพย์ที่เติบโตเหนือกาลเวลา

ซื้อขายหยกมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี โดยเฉพาะในวัฒนธรรมจีน เมียนมา ซึ่งหยกไม่ได้เป็นเพียงอัญมณีที่มีมูลค่าเท่านั้น แต่ยังถือเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณด้วย ในประเทศจีนเริ่มมีการใช้หยกตั้งแต่ยุคหินใหม่ (ราว 5000 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ในช่วงก่อนศตวรรษที่ 10 ชนชาติจีนนิยมใช้หยก Nephrite ในช่วงศตวรรษที่ 10-13เริ่มมีการค้าขายหยก Jadeite ในเมียนมาและจีน ซึ่งเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในช่วงปลายราชวงศ์ชิง โดยเฉพาะพระนางซูสีไทเฮาที่โปรดหยกJadeite เป็นอย่างมาก จึงมีมูลค่ามากขึ้นเรื่อยๆ ถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะหยกที่เรียกว่า Imperial Jade ซึ่งเป็นหยกสีเขียวสด และมีเนื้อที่ใสแสงสามารถส่องผ่านได้

แนวโน้มราคาหยก Jadeite ในรอบ 50 ปี (ประมาณปี 1975-2025) ที่ผ่านมามีแนวโน้มราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ จากความเชื่อทาง สังคม วัฒนธรรม ราคาของหยกเกี่ยวข้องกับ สี เนื้อ และลักษณะการแกะสลัก โดยสามารถแบ่งออกเป็นช่วงๆ ดังนี้:

1. ช่วงปี 1970 - 1980

• ตลาดหยกยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น จนถึงช่วงปลายยุค 1980 ที่ราคาพุ่งขึ้นอย่างมาก โดยในปี 1985 ราคาหยกคุณภาพสูงประเภท “Exceptional Imperial Jade”
• ช่วงปลายยุค 1980 การประมูลที่งานประมูลของ Sotheby’s ฮ่องกงเริ่มมีมูลค่าเป็นที่น่าจับตา รวมทั้งมีปริมาณและคุณภาพมากขึ้น

2. ช่วงทศวรรษ 1990

• ตลาดมีการชะลอตัวจากวิกฤตการเงินเอเชียของปี 1997 - 1998 ต่อเนื่องมาถึงยุคต้น 2000 แต่ราคาของหยก Jadeite มีราคาสูงขึ้นเป็นอย่างมาก เช่น Hutton-Mdivani Necklace ขายในปี 1994 ราคา US$4.2 ล้าน ซื้อคืนในปี 2014 ราคา US$27.4 ล้าน

3. ช่วงทศวรรษ 2000-2015

• ตลาดฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหยก Jadeite สี Imperial ระดับพรีเมียม ราคาขยับขึ้นถึงสิบเท่าในช่วงนี้ เช่น ในปี 2012 Doubly Fortunate Necklace ราคา US$9.3 ล้าน และในปี 2015 Imperial Green- Jadeite Cabochon Ring ราคา US$3.3 ล้าน

4. ช่วง 2015 - ปัจจุบัน

• แนวโน้มจุดสูงสุด: ราคาเฉลี่ยต่อน้ำหนัก (Carat) สำหรับ Imperial Jade
• ตลาดหยกได้รับผลจากนโยบายคว่ำบาตร และข้อจำกัดการนำเข้าสินค้าจากเมียนมา ส่งผลให้มีหยกน้อยลงไปมากในตลาด จึงทำให้ราคาสูงขึ้นโดยเฉพาะ Imperial Jade เช่น ในปี 2022 งานประมูลของ Christie’s ขายนาฬิกาหยก Imperial Jade บางชิ้นราคาสูงกว่า US$1.3 ล้าน

สรุป

• การปรับปรุงคุณภาพหยกมีผลอย่างมาก: B Jade / C Jade เป็นหยกที่มีการปรับปรุงคุณภาพ มีมูลค่าต่ำมาก ในขณะที่ A Jade เป็นหยกที่ไม่มีการปรับปรุงคุณภาพ
• ราคาหยกในระยะยาว (50 ปี) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มหยกธรรมชาติ หรือ A Jade
• การตรวจสอบและใบรับรองมีผลต่อราคาอย่างมากในยุคปัจจุบัน