Jewellery Hack! ทำความสะอาดเพชรและพลอยง่ายๆ ด้วยของใช้ในบ้าน

เครื่องประดับที่มีเพชรหรือพลอย ไม่เพียงแต่เป็นของสวยงามที่ช่วยเสริมบุคลิก แต่ยังมีคุณค่าทางจิตใจและบางชิ้นอาจเป็นของขวัญที่มีความหมายพิเศษ การดูแลรักษาให้เครื่องประดับเหล่านี้ดูดีอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก แม้เครื่องประดับจะสามารถนำไปให้ร้านจิวเวลรี่ดูแลทำความสะอาดได้ แต่สำหรับการดูแลทั่วไปในชีวิตประจำวัน ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยของใช้ในบ้าน และถ้าทำอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยรักษาความงามของเพชรและพลอยให้อยู่กับเราได้นานยิ่งขึ้นค่ะ

วิธีทำความสะอาด “เพชร” ด้วยของใช้ในบ้าน

1. น้ำสบู่อ่อน : เหมาะสำหรับเครื่องเพชรหรือพลอยที่ใส่ประจำ เช่น แหวน สร้อย ต่างหู

• ผสมน้ำในถ้วยใบเล็กกับสบู่เหลวสูตรอ่อน เช่น สบู่เด็ก หรือสบู่ล้างมือที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
• แช่เครื่องประดับไว้ประมาณ 15-20 นาที
• ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มขัดเบาๆ ตรงซอกและมุมต่างๆ โดยเฉพาะที่ก้นเพชรหรือพลอย เพราะเป็นจุดที่จะมีคราบสะสมอยู่ และทำให้ประกายของพลอยและเพชรน้อยลง
• ล้างออกด้วยน้ำสะอาดและซับให้แห้งด้วยผ้านุ่ม เช่น ผ้าไมโครไฟเบอร์
• ข้อควรระวังควรใช้สบู่เหลว ไม่ควรใช้สบู่ก้อน เนื่องจาก สบู่ก้อนมีส่วนประกอบของไขมัน ซึ่งไขมันเกาะกับเพชรได้ดีมาก และเป็นตัวการ ทำให้เพชรหมอง

2. น้ำยาล้างจานเจือจาง : สามารถใช้ขจัดคราบมันได้ดี เช่น คราบจากครีม โลชั่น หรือเครื่องสำอาง

• ผสมน้ำกับน้ำยาล้างจาน (ชนิดไม่มีกรดหรือกลิ่นแรง)
• แช่เครื่องประดับไว้ 10-15 นาที
• ขัดด้วยแปรงสีฟันขนนุ่ม และล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช่นเดียวกับการใช้น้ำสบู่เหลว ให้เน้นไปที่ก้อนเพชรหรือพลอย

3. เบกกิ้งโซดา (เฉพาะคราบฝังแน่น) : ใช้ในกรณีที่เครื่องเพชรมีคราบฝังแน่นมาก ไม่ควรใช้กับพลอย

• ผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำเล็กน้อยให้เป็นเนื้อครีม
• แตะเบาๆ บนตัวเรือนแล้วใช้แปรงนุ่มขัด
• ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และซับให้แห้งทันที
• ข้อควรระวัง วิธีนี้เหมาะกับเพชรเท่านั้น หากใช้กับพลอยมีโอกาสที่พลอยจะเสียหายได้

วิธีดูแลและทำความสะอาด “พลอยสีต่างๆ”

พลอยสี เช่น ไพลิน (Blue Sapphire), ทับทิม (Ruby), บุษราคัม (Yellow Sapphire), โทแพซ (Topaz) หรืออเมทิสต์ (Amethyst) มีคุณสมบัติแตกต่างจากเพชรในด้านความแข็งและความทนต่อสารเคมี ดังนั้นจึงต้องดูแลด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ

วิธีที่แนะนำ

• ใช้ “น้ำยาล้างจานเจือจาง + น้ำ” เท่านั้น
• แช่เพียง 5-10 นาที แล้วใช้แปรงนุ่มขัดเบาๆ
• หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาล้างจานที่มีสารเคมีแรง
• ซับแห้งทันทีหลังล้างเสร็จ ไม่ควรปล่อยให้เปียก

ข้อควรระวัง

• ห้ามใช้น้ำร้อนจัด เพราะอาจทำให้พลอยบางชนิดแตกหรือเปลี่ยนสี
• ห้ามใช้เบกกิ้งโซดา กับพลอยโดยเด็ดขาด เพราะอาจกัดผิวหรือทำให้ผิวด้านลงได้
• พลอยบางชนิดที่ไวต่อสารเคมี เช่น มูนสโตน โอปอล มรกต และมุก ควรใช้แค่ผ้านุ่มแห้งเช็ดเท่านั้น

ทริคเพิ่มเติม

• โอปอลไม่ควรแช่น้ำนาน เพราะเนื้อพลอยดูดซับน้ำได้ง่าย ในบางครั้งโอปอลอาจแตกได้
• พลอยหลายชนิดมีการปรับปรุงคุณภาพด้วยการเคลือบน้ำมันหรือเรซิน การขัดแรงหรือใช้สารทำความสะอาดอาจทำให้สารเคลือบหลุด
• มรกต และมุก เป็นพลอยที่จำเป็นต้องมีการดูแลรักษาอย่างระมัดระวัง มุกห้ามโดนสารเคมีทุกชนิดไม่ว่า น้ำหอม ครีมต่างๆ หรือแม้กระทั้งเหงื่อ ดังนั้นการสวมใส่มุก ควรสวมใส่นอกเสื้อผ้า ส่วนมรกต เป็นพลอยที่มักมีการปรับปรุงคุณภาพด้วยน้ำมัน หรือเรซิ่น การขัดถูด้วยสารเคมี หรือโดนความร้อน อาจจะทำให้น้ำมัน และเรซิ่นเสื่อมสภาพ การใช้ผ้านุ่มแห้งเช็ดทำความสะอาดหลังสวมใส่จึงดีที่สุด

สิ่งที่ ห้ามใช้เด็ดขาด กับพลอย และตัวเรือน

ทองเป็นโลหะที่นำมาทำเป็นตัวเรือน ด้วยสมบัติที่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีแค่บางชนิดเท่านั้น และพลอยที่มีความแข็งที่มาก แต่พลอยกลับมีความเปราะและไวต่อสารบางชนิดมาก และทองสามารถเป็นรอยขูดขีดได้ง่าย สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
ยาสีฟัน มีเม็ดขัดที่อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนผิวโลหะและพลอย
น้ำยาฟอกขาว ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ทำให้ตัวเรือนเสียหาย อาจกัดกร่อนและทำให้พลอยเสียคุณภาพ
แอมโมเนีย / แอลกอฮอล์เข้มข้น อาจทำให้พลอยบางชนิดซีดหรือเปลี่ยนสี
ฟองน้ำขัดหม้อ / แปรงแข็ง ทำให้เกิดรอยถลอกที่ผิวพลอยหรือตัวเรือนโลหะ



การดูแลทั่วไป

• ทำความสะอาดทุก 1-2 สัปดาห์ หากสวมใส่บ่อย
• ถอดเครื่องประดับก่อนออกกำลังกาย ล้างจาน หรือลงสระว่ายน้ำ
• เก็บแยกชิ้นในกล่องเครื่องประดับ ไม่วางซ้อนกันเพื่อลดรอยขีดข่วน
• สำหรับเครื่องเพชรหรือพลอยชิ้นโปรด ควรนำไปตรวจเช็กและทำความสะอาดกับผู้เชี่ยวชาญปีละ 1-2 ครั้ง

การดูแลเครื่องประดับเพชรและพลอยไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างที่คิด เพียงใช้ของใกล้ตัว เช่น น้ำสบู่เหลวอ่อน น้ำยาล้างจาน และแปรงสีฟันขนอ่อนนุ่ม ร่วมกับความใส่ใจเล็กน้อย เครื่องประดับของคุณก็จะยังคงเปล่งประกายสวยงามเหมือนวันแรกที่ได้มา ที่สำคัญที่สุดคือการหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจทำลายผิวเพชร พลอย และตัวเรือน เช่น สารเคมีรุนแรง ความร้อนจัด หรือแรงขัดถูที่มากเกินไป เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วอาจไม่สามารถซ่อมแซมให้กลับมาเหมือนเดิมได้ เพราะเครื่องประดับไม่ใช่แค่ของตกแต่ง แต่ยังเป็นของสะสม ของแทนใจ และของที่บอกเล่าเรื่องราวของชีวิต หมั่นดูแลอย่างอ่อนโยน แล้วเครื่องเพชรและพลอยจะอยู่เคียงข้างคุณไปได้นานแสนนานค่ะ แต่ถ้าคุณไม่สะดวก สามารถมารับบริการได้ที่ NGG Jewellery ทุกสาขานะคะ