ทำความรู้จัก 4 เทคนิค การฝังแหวนเพชรที่ใช่สำหรับคุณ
ผู้เขียน :NGG Content ครีเอเตอร์
“การฝังอัญมณีบนตัวเรือน “ เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ในกระบวนการผลิตเครื่องประดับ เนื่องจาก การดีไซน์แหวนแต่ละวงนั้น มีลักษณะการฝังอัญมณีที่แตกต่างกันออกไปอย่างหลากหลายรูปแบบ ซึ่งวิธีการฝังเพชรนั้น มีเทคนิคแต่ละแบบที่มีดีไซน์และความสวยงามแตกต่างกันออกไปรวมไปถึงความคงทนแข็งแรงและ โอกาสในการเลือกสวมใส่ ก็ต่างกันออกไปอีกด้วย อาทิ บางแบบอาจเน้นการใส่ออกงานเพียงอย่างเดียว หรือบางแบบ ก็สามารถใส่แมทซ์ได้กับทุกลุค ทุกสไตล์ พร้อมเฉิดฉายได้ในทุก ๆ วัน
ว่าแต่แหวนเพชรที่เราเห็นตามร้านนั้น จะมีการฝังอัญมณีบนแหวนเทคนิคใดกันบ้าง และแหวนเพชร ดีไซน์แบบไหน จึงจะเหมาะสมกับคุณมากที่สุดและคุ้มค่ามากกว่ากัน ถ้าอย่างนั้น ตาม NGG Jewellery มาหาคำตอบและเรียนรู้เทคนิคการฝังเพชร ทั้ง 4 รูปแบบที่ใช่ และเหมาะสมกับคุณกันเลยดีกว่าค่ะ
การฝังหนามเตย (Prong Setting)
การฝังเพชรแบบหนามเตยเป็นการฝังรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มสาว ๆ ที่ชื่นชอบเครื่องประดับเพชร ซึ่งการฝัง รูปแบบนี้ จะลักษณะเป็นก้านต่ออยู่กับแหวนและกระเปาะที่ช่วยประคองยึดติดกับตัวเพชรไว้ และส่วนปลายของหนามเตยแต่ละด้าน จะโค้งเข้าหากันและยึดเกาะติดกับขอบของตัวเพชรได้อย่างแน่นหนา
แหวนเพชรชูโดยส่วนใหญ่ นิยมทำเป็นลักษณะนี้ โดยลักษณะคือ มี 3 ขา 4 ขา หรือ 6 ขา หรืออาจมีมากกว่าแล้วแต่ดีไซน์ของเครื่องประดับ นอกจากหนามเตยจะมีแบบกลมแล้ว ยังมีลักษณะหนามเตยแบบสามเหลี่ยมที่เรียกว่า “หัวเรือ” เพื่อไว้ใช้ฝังอัญมณีรูปร่างที่มีมุม เช่น มาคีส์ หยดน้ำ สี่เหลี่ยม
ข้อดี การฝังแบบหนามเตยนั้น จะทำให้อัญมณีส่องประกายได้ชัดเจนเพราะแสงผ่านเข้าไปในอัญมณีได้ง่าย และเนื่องจากตัวเรือนมีความโปร่ง ทำให้สามารถทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย
การฝังสอด หรือฝังล็อค ( Channel Setting )
การฝังแบบสอด เป็นเทคนิคการฝังเพชรที่ได้รับความนิยมมากเช่นเดียวกับ การฝังแบบหนามเตย เนื่องจาก เทคนิคนี้จะทำให้เพชร ส่องประกายแวววาวสวยกว่าวิธีการฝังแบบอื่น ๆ ด้วยดีไซน์ที่ดูทันสมัยและแปลกใหม่ โดยใช้การนำเพชรเข้าไปสอดแทรกในร่องโลหะเพื่อทำการล็อคเพชร ให้เรียงกันเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบ ตามแนวแถว ซึ่งเทคนิคนี้นิยมใช้กับแหวนเพชรที่มีลักษณะเป็นแถวเพียงอย่างเดียว ซึ่งลักษณะการฝังสอดนั้น จะส่งผลทำให้เพชร ดูมีขนาดเม็ดเล็กลงกว่าขนาดจริงเล็กน้อย เนื่องจากขอบเพชรทั้ง 2 ด้านถูกขอบตัวเรือนบังเอาไว้ และไม่สามารถตัด หรือขยายขนาดของแหวนได้เยอะมาก เนื่องจาก อาจทำให้กระทบกับตัวเพชรที่ฝังอยู๋ได้ หรืออาจทำให้เพชรนั้นหลุดได้ การฝังชนิดนี้จึงสามารถรับแรงกระแทกได้มากกว่าเทคนิคอื่น ๆ เนื่องจากมีขอบโลหะตัวเรือนของแหวน ปกป้องเพชรอยู่
ข้อดี ของการฝังสอดหรือฝังล็อค เหมาะสำหรับการใส่ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากเหมาะกับการแต่งตัวในทุก ๆ สไตล์ ของคุณสาว ๆ แต่เทคนิคการฝังลักษณะนี้ จะไม่เหมาะกับสาว ๆ ลุคอ่อนหวานมากนัก เนื่องจากขอบของตัวเพชร จะถูกหุ้มด้วยโลหะของตัวเรือนจนมิด แต่การฝังเช่นนี้ ช่วยป้องกันการกระทบกระทั่งได้เป็นอย่างดี
การฝังจิกไข่ปลา ( Pavé Setting)
เทคนิคการฝังจิกไข่ปลา เป็นเทคนิคการนำเพชร มาดีไซน์เรียงติดกันเป็นลักษณะก้อนกลม ๆ เล็ก ๆ เสมือนจุดไข่ปลาเพื่อยึดเพชรไว้กับตัวเรือน (คล้ายนำหมุดมายึดที่ขอบเพชรทั้ง 4 ด้าน) การฝังลักษณะนี้ จะช่วยทำให้จิวเวลรี่ดูมีประกายแวววาว สามารถสะท้อนแสงได้เป็นอย่างดี วิธีการฝังแบบจิกไข่ปลา จึงเหมาะกับดีไซน์ แหวนเพชร ที่ต้องการความระยิบระยับ เนื่องจากจะทำให้เพชรเม็ดเล็ก ที่ดูธรรมดา ๆ กลายเป็นเพชรที่มีความหรูหราแววาวเมื่อทำการสวมใส่ แต่เทคนิคนี้ต้องใช้ความระมัดระวังในการสวมใส่พอสมควร เนื่องจากไข่ปลานั้นมีขนาดค่อนข้างเล็กมาก จึงอาจทำให้เพชรหลุดออกได้ง่ายเมื่อเกิดการกระแทกหรือเกี่ยวกับเสื้อผ้าอย่างรุนแรง
ข้อดีของการฝังเทคนิคจิกไข่ปลานี้จะทำให้อัญมณีดูระยิบระยับ โดยเฉพาะตัวเพชรบนเครื่องประดับ จะทำให้ดูเปล่งประกาย และเนื่องจากเทคนิคนี้ เป็นการฝังตัวเพชรจมลงไปในตัว รือนเครื่องประดับ จึงทำให้การฝังเทคนิคจิกไข่ปลามีความแข็งแรงแบบสามารถพร้อมใส่ได้ในชีวิตประจำวันได้อย่างสบาย ๆ กันเลยค่ะ
การฝังหนีบ (Tension Setting)
เทคนิคการฝังหนึบ เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จากเมืองนอก และเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการผลิตเทคนิคนี้ ซึ่งการฝังหนึบ บนเครื่องประดับ จะใช้แรงดันจากโลหะทั้งสองด้านใน การยึดอัญมณีเอาไว้ โดยมีร่องเล็ก ๆ 2 ข้าง หนีบยึดอยู่กับขอบของตัวอัญมณีไว้ ดังนั้นโลหะที่นำมาใช้ผลิตตัวเรือนของแหวน ควรมีความแข็งแรงเป็นอย่างมาก เทคนี้นี้จึงนิยมฝังอัญมณีกับแพลททินั่ม ซึ่งมีความแข็งกว่าตัวทองคำ แต่ข้อควรระวังคือ การฝังแบบหนีบ จะมีบางส่วนของอัญมณีที่ไม่ได้หุ้มขอบ จึงเสี่ยงต่อการกระทบกระทั่งได้ง่าย การฝังเพชร เทคนิคนี้จะทำให้จิวเวลรี่ดูสวยงาม เนื่องจากตัวอัญมณีที่อยู่ตรงกลางอย่างเรียบเนียน แต่ข้อควรระวังคือ ในเรื่องของตัวเพชรที่อาจหลุด หรือ เสียหายได้ง่ายเช่นกัน
ข้อดี ของการฝังแบบหนีบคือ ผิวหน้าของอัญมณีจะเรียบเนียนไปกับตัวเรือน จึงมีความเสี่ยงน้อยต่อการขูดขีดเป็นรอยจึงทำให้เก็บรักษาหน้าพื้นผิวของแหวนดีไซน์นี้ได้เป็นเวลานานด้วยเนื้อโลหะรอบๆ หน้าอัญมณีจะเสมอกับตัวเรือน ข้อดีคือ ขอบของอัญมณีจะถูกหุ้มด้วยโลหะ และหน้าอัญมณีจะเรียบไปกับตัวเรือน จึงป้องกันการกระทบกระทั่งและขูดขีดขอ
สำหรับคุณลูกค้าที่มีดีไซน์ หรือ มีเทคนิคแหวนเพชร ที่ใช่สำหรับคุณอยู่ในใจแล้ว แต่ยังรู้สึกไม่มั่นใจว่าวิธีการฝังเพชรในแต่ละรูปแบบที่ได้อ่านมานั้น จะเหมาะกับตัวเราเองหรือไม่ ถ้าอย่างนั้นลองให้ NGG Jewellery ช่วยให้คำปรึกษา และช่วยออกแบบดีไซน์แหวนเพชรที่ใช่ และเหมาะสมที่สุดสำหรับคุณดูสิ่คะ รับรองว่าคุณจะได้แหวนที่ถูกใจ และประทับใจได้อย่างแน่นอน